ชีวิตและอาชีพ ของ ทาเกชิ คิตาโนะ

ชีวิตช่วงแรก

ทาเกชิเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1947 ที่โตเกียวซึ่งตรงกับช่วงการบูรณะเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่สอง[8][9] บิดาของเขาเป็นช่างทาสีบ้าน และมารดาทำงานในโรงงานผลิต[5] ที่มองการณ์ไกลจึงสามารถส่งทาเกชิให้เรียนหนังสือจนเข้าศึกษาในคณะวิศวกรรมเครื่องกล (ปัจจุบันคือคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์) มหาวิทยาลัยเมจิในปี 1965[10][11][12] ท่ามกลางฐานะทางการเงินของครอบครัวที่ขัดสนได้[3][13] แต่ถึงแม้ว่าทาเกชิสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็ตาม เขายังคงทำงานพิเศษต่าง ๆ เช่น พนักงานชั่วคราวที่ร้านคาเฟ่แจ๊ส พนักงานขับรถแท๊กซี่ และผู้รื้อถอนอาคาร เป็นต้น ทาเกชิไม่สามารถทำงานพิเศษไปด้วยและเรียนไปด้วยได้จึงออกจากมหาวิทยาลัย[10] แต่ต่อมาเขาได้รับใบปริญญาบัตรพิเศษและรางวัลกิตติคุณพิเศษในวันที่ 7 กันยายน 2004 จากการประสบความสำเร็จในอาชีพผู้กำกับภาพยนตร์ที่สามารถคว้ารางวัลสิงโตทองคำมาได้[14] ในปี 1972 เขาได้ทำงานให้กับโรงละครและคลับเปลื้องผ้า "อาซากูซะ โทโยกัง" (มักเรียก แฟรนซ่า) ในอาซากูซะ[2][8] เขาได้พบกับอาจารย์ของเขา เซ็นซาบูโระ ฟูกามิที่นั่นซึ่งทำให้ทาเกชิได้เป็นทาเกชิจนถึงปัจจุบัน[15]

อาชีพตลกและความสำเร็จ

ในปี 1974 ทาเกชิได้ตั้งคู่หูตลกมันไซชื่อ "ทู บีท" ที่มาจากจังหวะ (beat) ในดนตรีแจ๊ส[16] ชื่อของสมาชิกทั้งสอง บีท ทาเกชิ และ บีท คิโยชิ ผู้ที่เป็นคนเชิญทาเกชิมาร่วมตั้งวงตลกด้วยกัน[15][17] และการมาถึงของ "มันไซบูม" ในยุค 1980 ที่รายการโทรทัศน์ "THE MANZAI" และ "Rival Daibakushō! (ญี่ปุ่น: ライバル大爆笑!)" เป็นที่นิยมและได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก จากรายการโทรทัศน์ดังกล่าวทำให้ ทู บีท เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยวิธีและรูปแบบการแสดงมันไซที่ตอบโต้กันด้วยความเร็วสูงและลักษณะเฉพาะของผู้แสดงทั้งสอง[16][17][18] แต่ในขณะเดียวกันการแสดงมันไซของพวกเขาก็ถูกวิพากย์วิจารณ์จากมุกตลกร้าย (ญี่ปุ่น: 残酷ギャグ; โรมาจิ: Zankoku Gyagu) ของพวกเขา เช่น "คนบ้าที่โกรธเพราะคำพูดของนักแสดงมันไซ (ญี่ปุ่น: たかが漫才師の言う事に腹を立てるバカ)" หรือ "ระวังคนขี้เหร่กำลังรอคนบ้ากามอยู่ (ญี่ปุ่น: 気をつけよう、ブスが痴漢を待っている)" เป็นต้น[18][19]

อาชีพการแสดงและชีวิตภายหลัง

ทาเกชิที่งานรางวัลสิงโตทองคำในปี 1997

ภาพยนตร์เรื่องยาวที่โดดเด่นของเขาคือเรื่อง เมอร์รี่คริสต์มาส มิสเตอร์ลอเรนซ์ (อังกฤษ: Merry Christmas, Mr. Lawrence) กำกับโดย นางิซะ โอชิมะ ในปี 1983[20] ในช่วงระยะเวลาที่ทาเกชิได้รับบทเป็นจ่าเก็งโงะ ฮาระ ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง[21] จากคำชวนของผู้กำกับนางิซะ เป็นช่วงที่ ทู บีท กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทาเกชิให้สัมภาษณ์ว่าเขาคิดว่าการแสดงครั้งแรกของเขานั้นไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น แต่ผู้ชมกลับหัวเราะเขาทั้ง ๆ ที่ตัวละครของเขามีความเคร่งขรึมและลึกลับ ภายหลังทาเกชิจึงรับแต่บทภาพยนตร์ที่ได้แสดงเป็นตัวละครร้ายที่มืดมัวและน่าเกรงขามจนทำให้เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงที่เล่นบทจริงจังได้[12][21][9]

ในปี 1994 ทาเกชิได้ประสบอุบัติเหตุทางถนนในระหว่างที่เขากำลังขี่จักรยานยนต์ เหล่าแพทย์ต่างบอกว่าเขาอาจจะไม่สามารถแสดงภาพยนตร์ได้อีกแต่อาการของเขากลับดีขึ้น[22] จนในปี 1989 ทาเกชิได้กำกับภาพยนตร์ไตรภาคของตนเป็นครั้งแรกในชื่อ ไวโอเลนท์ คอป (ญี่ปุ่น: その男、凶暴につき; โรมาจิ: Sono Otoko, Kyōbō ni Tsuki; อังกฤษ: Violent Cop) บอยลิงพอยท์ (ญี่ปุ่น: 3-4X10月; โรมาจิ: San-yon Ekkusu Jūkatsu; อังกฤษ: Boiling Point)[23] และโซนาไทน์ (ญี่ปุ่น: ソナチネ; โรมาจิ: Sonachine; อังกฤษ: Sonatine)[24] ตามลำดับ โดยทาเกชิเองก็เป็นผู้แสดงเองในภาพยนตร์ทั้งสามเรื่องที่ตนเป็นผู้กำกับ[21] ในปี 1997 ทาเกชิได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติหลังเขาสามารถคว้ารางวัลสิงโตทองคำและรางวัลอื่น ๆ อีก 17 รางวัล[25] มาได้จากผลงานการผลิตและการแสดงภาพยนตร์เรื่อง ดอกไม้ไฟแห่งความหวัง (ญี่ปุ่น: 花火; โรมาจิ: Hanabi) โดยรอตเทนโทเมโทส์ได้ระบุว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีรีวิวส่วนใหญ่เป็นบวกจาก 96% ของ 24 รีวิวของนักวิจารณ์ภาพยนตร์[26]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ทาเกชิ คิตาโนะ http://thehollywoodinterview.blogspot.com/2008/11/... http://owarainitsuite.blog134.fc2.com/blog-entry-9... http://www.imdb.com/title/tt0098360/awards/ http://www.imdb.com/title/tt0119250/awards/ http://www.theguardian.com/artanddesign/2010/mar/1... http://e-asakusa.jp/en/information/4179 http://showa-love.jp/showa-other/showa-comedian https://thepeople.co/takeshi-beat-kitano-yakuza-fi... https://edition.cnn.com/2008/WORLD/asiapcf/09/26/t... https://www.critiquefantastique.com/features/2019/...